เริ่มจากคำว่า ไสยศาสตร์ นั้น หมายถึง วิชาด้าน พระเวท ที่เกิดขึ้นจากอานุภาพแห่ง ธาตุทั้ง4ของโลก ที่ประกอบขึ้นด้วยพลังแห่ง จิต วิชาเหล่านี้ได้รับการถ่ายทอดมาจาก ผู้ทรงศีลจำพวก ฤาษี มากมาย ซึ่งต่างก็ได้พรวิเศษจาก เทพเทวา เข้าหนุนช่วย ก่อให้เกิด ฤทธิ์อำนาจ ทางพระพุทธศาสนา มองว่า ไสยศาสตร์ คือหนทางแห่ง ความไม่รู้แจ้ง ไม่ถึงนิพพาน ยังวนเวียนว่ายตายเกิด เรียกว่า อวิชชา พระเวท นั้นกำเนิดขึ้นเพื่อการรักษาหรือป้องกันอันตรายหรือเพื่อสร้างสิ่งที่ดีงาม เมื่อพระเวท แพร่หลายมากขึ้น ก็ก่อให้เกิด ได้ทั้ง มนต์ขาว และ มนต์ดำ ดังนั้น หากย้อนกลับมาที่เรื่องของ กุมารทอง นั้น จึงทำให้เห็นว่า มีทั้ง สายขาว และ สายดำ กุมารทองนั้น เป็นทิพย์ อีกจำพวกหนึ่ง ที่อยู่ในลำดับสุดท้ายต่อจาก เทวดา ชั้นล่างสุด แต่ก้อยู่สูงกว่า สัมภเวสี ขึ้นมาิีกหนึ่งขั้น พูดง่ายๆ ก็คือ กุมารทอง มีฤทธิ์มากกว่าพวก ผี ส่วนเรื่องการสร้างนั้น ไม่ว่า จะเป็นสาย ขาว กรือ ดำ มักจะดูที่ เครื่องประกอบการสร้างเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น สร้างขึ้นจากดินมงคล หมายถึง ดินที่นำมาจากสถานที่อันเป็นมงคล แล้วนำมาประจุคาถาโดย พระเกจิ เรียกอาการ32 สร้างขึ้นด้วยอำนาจจิต แบบนี้เรียก กุมารสายขาว บริสุทธิ์ เพราะไม่มี ของ อาถรรพ์ มาเจือปน กุมารเหล่านี้เกิดขึ้นด้วยทิพย์ อำนาจแห่ง เทพ เทวดา ประทานลงมาให้ ด้วยนั้นเอง กุมารทอง ชนิดนี้ เรียกว่า กุมารทองเทพ มีคุณวิเศษ ที่แตกต่างจาก กุมารทองชนิดอื่นๆ คือ สามารถ ขึ้นไปติดต่อสื่อสาร กับ เทพเทวดา ที่บนสวรรค์ ได้ด้วย หรือแม้กระทั้ง สามารถไปเชิญท่านลงมายังโลกมนุษย์ได้อีกด้วยเหมือนกัน กุมารทองประเภทนี้จะ ให้คุณเพียงอย่างเดียว ไม่ให้โทษกับผู้เลี้ยง ปัจจุบันหายาก เพราะขั้นตอนการทำพิธี ค่อนข้างยิ่งใหญ่ ต้องถูกต้องเต็มตามหลักพิธีบูชาเทพ ส่วนกุมารทองอีกจำพวก เรียก กุมารทองพราย กุมารทองประภทนี้ เกิดขึ้นจาก ดวงวิญญาณเด็ก มีวิธีทำ ยกตัวอย่างหลักๆเช่น ทำจากซากเด็กที่ตายแล้ว แล้วเรียกดวงวิญญาณเด็ก มาสะกดเอาไว้ แล้วประจุคาถาลงไปเพื่อให้บังเกิดฤทธิ์อำนาจเพิ่มมากขึ้น กุมารประเภทนี้ ให้คุณ และให้โทษ ได้ ปัจจุบันมักทำด้วยวัสดุแบบโลกสมัยใหม่ แล้วเรียกวิญญาณเด็กมาสะกดเอาไว้แทน ผู้ทำมีทั้ง พระเกจิ และผู้ทรงศีลรู้วิชา กุมารประเภทนี้ก็ยังถือเป็น สายขาวอยู่เช่นกัน จำพวกสุดท้าย คือ กุมารดำ พวกนี้ สร้างขึ้น จากดินป่าช้า บ้าง จากของอาถรรพ์ อัปมงคลต่างๆบ้างแล้วแต่ ผู้มีวิชาจะทำ กุมารดำเหล่านี้ มี ฤทธิ์อำนาจ ในทางอาฆาต รุนแรง ถ้าเลี้ยงดี ก็ดีไป ถ้าเลี้ยงไม่ใส่ใจ ก็ฉิบหาย อาจโดนเล่นงานจนถึงแ่ก่ความตาย ส่วนมากผู้ที่เลี้ยงมักจะเป็น พวกชอบเล่นมนต์ดำ อีกทั้งยังต้องมีวิชาอยู่บ้าง เพื่อไว้กำกับ ไม่ให้กุมารดำ พยศ เพราะจำพวกนี้จะดื้อมาก โมโห้ร้าย ผู้คนที่นิยมเลี้ยงกัน เป็นเพราะขออะไร ก็ได้ผลไว้มาก แต่ก็ให้โทษหนักเหมือนกัน อันนี้ต้องระวัง เลี้ยงให้ดีดี
การเรียนไสยศาสตร์ทุกประเภทมีจุดจบสองทาง
1.มืดมิด
2.สว่าง
เพราะท้ายที่สุดของจุดจบมีสองด้านคือ การวางทุกสิ่งที่ร่ำเรียนมาเพรา ะรู้แล้วสู่ความเป็นกูรู หลุดพ้นจากพันทนาการ เพราะ จะเข้าถึงพุทธศาสตร์ได้โดยเส้นท างที่มีอยู่
เส้นทางนี้ เข้าง่ายออกยาก แต่เรียนรู้และไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ใคร เรียนได้ อยู่บนความไม่ประมาทและไม่ปราบใ คร
สำหรับผู้ที่รู้ลึกจริง ๆ ส่วนใหญ่ก็จะทราบดีครับ ว่า ถึงจะเก่งกาจจนสุดด้านไสยฯขาว แต่ถ้าตายก็ต้องลงนรกก่อนอยู่ดีอันนี้รู้มาจากคนที่เล่นไสยฯขาว ที่เก่งกาจมาก หลายคนที่ศึกษเรื่องพวกนี้อยู่ ก็คงจะมีโอกาศที่จะได้รับการถ่า ยทอดวิชา แต่เพราะหลายคนไม่รับก็เลย โชคดีรอดนรกไป
ไสยขาวเป็นอย่างไร ????
ไสย์ขาวจะต่างจากไสยดำทั้ง วิธี และ พิธีการ ซึ่งจะเป็นอีกด้านของไสยฯ ดำครับ คือจะมุ่งแก้คนหรือของที่มาจากคุณไสยฯ ดำ ซึ่งจะใช้วิชาในระดับเดียวกันกั บไสยฯ ดำ ซึ่งจะไม่มีส่วนที่เป็นการอาราธ นาบารมีพระ หรือพุทธคุณเลย ดังนั้นจะวัดหรือสู้กันด้วยพลัง จิตของแต่ละคนโดยเฉพาะเลย ถ้าพลังจิตสูงกว่าก็แก้ได้ และสามารถแก้กลับไปทำร้ายฝ่ายสา ยดำได้ด้วย
ก็มีคนจำนวนไม่น้อยนะครับที่ไปเข้าใจว่าเรียนวิชาพวกนี้ได้บุญ แต่บุญที่ได้มันน้อยกว่าบาป
เพราะไม่ได้แก้ด้วยพุทธคุณ แรกๆ อาจจะสามารถแก้ได้ผลเห็นทันตา แต่ก็เป็นการส่งจิตที่ไม่ดีออกไป เหมือนกับเราเป็นทหารกำลังปกป้อ งประเทศก็ต้องฆ่าศัตรู บาปที่ฆ่าเขาก็ส่วนนึงบุญที่ปกป ้องประเทศก็ส่วนนึง นี่ก็เหมือนกัน แต่ต่างกันที่มันจะขาดทุนเพราะเ ราช่วยเฉพาะคน แต่สร้างเวรอีกนับไม่ถ้วน
ที่ บอกว่าต้องลงนรกก่อน เพราะเขานับเกณฑ์เดียวกันหมดคือนับเป็นเดรฉานวิชา ซึ่งเป็นวิชาที่มุ่งร้ายต่อกัน ไม่ว่าจะทรงฌานเก่งแค่ไหน ถ้าเกิดตอนตายพลาดไม่ได้เกาะกุศ ลหรือทรงฌาน เขาไม่ต้องให้ผ่านสำนักพญายม เขาให้ลงนรกไปก่อนเลย ไม่สนว่าคุณจะช่วยคนทำความดีมาแ ค่ไหน เว้นแต่บุญกรรมฐาน บุญที่เกิดจากการปฎิบัติธรรม ถ้าแบบนี้พอคุยกันได้ แต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะรอด
คือ ปู่ของเพื่อนผมที่เขาเล่นสายขาวเขาเก่งมากแก้คุณไสยฯ ช่วยคนได้เยอะมาก ๆ โชคดีว่าตอนตายทรงฌานได้ เลยไปเป็นพรหมแล้วลงกลับมาบอกหล านซึ่งเคยถ่ายทอดวิชาไว้ตอนแกยั งมีชีวิตอยู่ คือเพื่อนคนนี้เขาถอดจิตคุยกับผ ีเทวดาได้ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เพราะปู่เขาฝึกมาเข้มมาก เขาก็มาเล่าให้ผมฟังอีกทีเพราะร ู้ชะตาตัวเองว่าตายไปแล้วจะไปไห นก่อน ก็มาเล่าปรับทุกข์ให้ฟังน่ะครับ
การแก้ หลักง่ายๆก็อาศัยพุทธคุณครับ ระลึกถึงพระรัตนไตร อาราธนาพุทธคุณ แล้วน้อมใจด้วยศรัทธา แล้วแผ่บุญ คือการถอนที่ดีกว่าการสวดถอนใดๆแต่ทางที่ดีที่สุด ทางที่ไม่เสี่ยง คือ อยู่ตรงกลางให้ได้ ไม่ยุ่ง ไม่หมิ่น ไม่ตกลงไปทั้งสองด้านของเรียน นั้นคือพุทธะศาสนาที่แท้จริง
มีเมตตาอยู่ในจิต เยือกเย็นเป็นนิจ ชีวิตไม่มีอะไร แค่เล่นไปตามบท จุดจบก็แค่ตาย สุดท้ายก็เสมอแท้จิตเดียวกัน