วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เยาวชนไทย คือ นักพัฒนา (อินทรีย์เมฆาเรียบเรียง)

ในปัจจุบันเยาวชนไทยในหลายภาคส่วนของประเทศไทย หันมาสนใจกับการพัฒนาสังคมและประเทศชาติกันมากขึ้น ด้วยตระหนักว่าใน ณ ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมไทย และการแปลเปลี่ยนของสภาพจิตใจคน ซึ่งนำไปสู่ความเสื่อมโทรมขาดวิถีแห่งความเสมอภาค มีผู้ด้อยโอกาสเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อันมีผลมาจากการประกอบทุจริตคดโกงทั้งในหน้าที่การงานและชีวิตครอบครัว ทั้งยังส่งผลกระทบไปสู่การขาดความเอาใจใส่ต่อวัตถุทั้งที่มนุษย์เป็นผู้สร้างและทั้งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ขาดความถี่ถ้วนในการสร้างสรรค์สังคมโดยรอบคอบ อันเป็นตัวการที่จะก่อให้เกิดความเสียหาย หรือความแตกแยก ขาดสามัคคีร่วมกันพัฒนาชาติทั้งในขณะนี้และอนาคตข้างหน้า จึงเป็นเรื่องที่หวั่นวิตก หากสังคมยังไร้ คุณธรรม จิตใต้สำนึกอันเปี่ยมด้วยคุณประโยชน์ และการขาดแคลนแรงพลักดันเยาวชน ยุวชนไปสู่การเป็นผู้นำที่ดีของชาติได้อย่างยั่งยืน ถาวร
ในเดี่ยวนี้ กำลังมีการจัดกิจกรรมเพื่อพลักดันเยาวชนไทยให้ก้าวออกไปเป็นบุคลากร พลเมืองของชาติที่เต็มเปี่ยมด้วย ความเป็นผู้นำที่ดี กันมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมผู้ใหญ่ใจดีของบ้านเมือง ที่กำลังพยายามหันมาให้โอกาสยอมรับเด็กกันมากขึ้นเรื่อยๆ ประเทศไทยในอนาคตจึงหวังว่า เราจะมีเยาวชนผู้นำที่ดี และผู้นำกระทำสิ่งดีงามเพิ่มมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม หากรัฐเล็งเห็นถึงความสำคัญของการ ก่อตั้ง องค์กร ผู้นำเยาวชนแห่งราชอาณาจักรไทย ขึ้นอย่างเป็นทางการ ก็อาจจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เยาวชนไทยอีกหลายล้านคน หันมาทำดีกันมากขึ้นด้วยเช่นกัน

การศึกษาสำคัญ ฉไหน? เหตุใดค่าเทอมแพงขึ้นทุกวัน (อินทรีย์เมฆาเรียบเรียง)

การศึกษาสำคัญฉไหน แต่เหตุใดเล่าค่าเทอมแพงขึ้นทุกปี? 

จากเหตุการที่ปรากฏเป็นข่าวใหญ่ลงหน้าหนังสือพิมพ์ไทยหลายต่อหลายฉบับเมื่อเร็วๆนี้เอง

เด็กหญิงสาว จำต้องจบชีวิตตนด้วยการ ผูกคอตาย ทำให้ข่าวดังกล่าวนี้ เป็นอีกหนึ่งเสียงสะท้อน

ที่ตอกย่ำให้เห็นถึงความเกินเลยของค่าใช้จ่ายทางการศึกษาที่นับวันจะยิ่งเพิ่มจำนวนค่าเทอม

ค่าใช้จ่าย มากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ พ่อ แม่ ครอบครัว แตกแยก เพราะทะเลาะกันเรื่องค่าเทอม " ลูก "

เห็นอย่างนี้แล้ว ยังมีอีกมากครอบครัวในไทย ที่กำลังจะหมดแรง บังเกิดความท้อ ในการส่งลูกเล่าเรียน เข้าศึกษา

ไหนจะค่าเทอม ค่าไปทัศนศึกษา ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าหนังสือ ค่าบำรุง และค่าใช้จ่ายท่วมหัวพ่อแม่อีกมากมาย

หากเป็นเช่นนี้แล้ว จะยังมีหนทาง หรือมีผลประโยขน์อะไรอีกหรือไม่

หากอีกฝ่ายพยายามพลักดันการศึกษาแก่เยาวชนเพื่อก่อพลเมืองดีแด่ชาติ

แต่อีกฝ่าย กับขึ้นเอาขึ้นเอาค่าเล่าเรียน แล้วโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนไทย จะยังมีอยู่อีกมั้ย

ในอนาคต การเพียรพยามเพื่อลดความเลื่อมล้ำทางสังคมคงไม่มีประโยชน์หรือได้รับผลสำเร็จเท่าที่ควร ความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติก็คงไม่จำเป็นต้องเพ้อฝันกันไปไกลอีกเช่นกัน

 การส่งเสริมมาตรการเพื่อให้เกิดแนวทางการเรียนฟรีที่ครอบคลุมกว้างขวางทั่วประเทศเทศนั้น เป็นอีกหนทางหนึ่ง

หรืออาจเป็นหนทางสุดท้ายที่ดีที่สุดแล้ว แต่ทว่าความเป็นไปได้นั้นยังมีน้อย แต่ถึงแม้ว่าจะน้อย

แต่ก็อาจมีความเป็นไปได้ในอนาคตเช่นกัน ถ้ารัฐบาลให้ความสนใจต่อกระบรวนการนี้อย่างจริงจัง

โดยส่วนตัวมองว่าแนวทางดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะเริ่มในวัยเรียนแล้ว ยังควรพยายามพลักดันให้มีการศึกษาเล่าเรียนฟรีในรูปแบบตลอดชีวิตกับทุกเพศทุกวัย

การศึกษาไม่มีวันสายเกินไปสำหรับทุกคน ตรงนี้อาจเป็นไปได้ถ้าเรามีการดำเนินการจัดการใน ณ ที่ใด

ที่หนึ่งเป็นตัวอย่างขึ้น เพื่อช่วยให้เกิดความเข้าใจกระจ่าง เห็นด้วยกับกระบรวนการดังกล่าวต่อไป





 " พลเมืองไทยโรดแมบ"



http://www.facebook.com/photo.php?fbid=199710470107363&set=a.199709996774077.47998.100002052333696&type=3&theater

ไทย!!!"วิกตฤ"!!!! "จิตสำนึก" (อินทรีย์เมฆาเรียบเรียง)




ต้องยอมรับว่า การพัฒนาศักยภาพด้านจิตใจอันหมายถึงการปลูกฝังจิตใต้สำนึก ระลึกถึงการกระทำความดีงาม เอาใจใส่ผู้อื่น มีจิตอาสาช่วยเหลือสังคม นั้น

จะต้องเกิดจากกระบรวนการเสี่ยมสอนจากบุคลากรภายในครอบครัวเป็นหลัก ซึ่งก็จะต้องควบคู่ไปกับการสนับสนุนด้านการศึกษาให้กับเด็ก อย่างเข้าใจเด็ก

แต่ด้วยในสถานะการภาวะในปัจจุบัน เยาวชนไทย กำลังเดินไปตามกระแสแฟชั่นที่ฟุ่มเฟือยไร้ความรู้ น้อยคุณประโยชน์

โดยเฉพาะการเลือกเสพสื่อข่าวสารต่างๆ ที่เด็กยังขาดวุฒิภาวะพินิจพิจาร จนกลายมาการกระทำที่ผิดๆ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อๆกันไปแก่คนรอบข้าง ทั้งยังมีอิทธิพลสูงสุดต่อการปรับเปลี่ยนจิตใจคน

ผลกระทบต่อมา เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางความคิดไปในทางที่ไม่ถูกต้อง จึงนำพาให้เด็ก ไม่เคารพเชื่อฟังครอบครัวอย่างควรจะเป็น

รักอิสระมากขึ้นจนเกินไป อันเป็นหนทางแห่งความก้าวร้าวต่อผู้คนในสังคมเพิ่มขึ้นต่อไปอีก สิ่งเหล่านี้ จึงยังเรื่องที่หน้าเป็นห่างซึ่งยังคงดำรงค์อยู่ในปัจจุบันและจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

 ด้านการศึกษา ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งแก่เด็กและเยาวชนไทย แต่ทว่าทำไมโอกาสทางการศึกษาไทยซึ่งได้ตั้งความหวังไว้ว่าจะสามารถเสริมสร้างบุคลากรพลเมืองดีของประเทศ

เพื่อเติบโตขึ้นมาร่วมขับเคลื่อนพัฒนาสังคมนั้น ปัจจุบันใยโอกาสทางการศึกษาของเยาวชน

จึงกำลังลดน้อยลงมากไปอีกเรื่อยๆเช่นกัน เป็นเช่นนี้แล้ว อนาคตของชาติบ้านเมือง

ที่หมายถึงความเจริญสุจริต จะเป็นอย่างไรในอนาคต หากเด็กไทยยังขาดสภาวะความเป็นผู้นำที่ยั่งยืน ขาดแรงพลักดันจากผู้ใหญ่ และขาดผู้สนใจรับฟังความคิดเห็นด้านการพัฒนาสังคมของเด็กๆ

ที่จะช่วยให้เขาได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ อันจะเป็นการพัฒนาทักษะความสามารถด้านการพัฒนาชาติให้เขาด้วยอีกแนวทางหนึ่ง มีบางคำตอบเกิดขึ้นว่า

 " "มันขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ทั้งหมด แก่กว่ามักบ้าอำนาจ ไม่มีเหตุผล"

แต่จะขอแนะว่า เมื่อรู้ดังนี้แล้ว ก็ต้องอย่าลืมในสิ่งที่ตนเองได้พูดไว้ที่นี้ ในวันนี้ คืออย่าให้เด็กในอนาคตได้ย้อนกลับมาพูดเช่นนี้กับคุณได้

ขอเป็นกำลังใจคับ แต่บางครั้งการคิดเช่นนี้ก็อาจไม่ถูกก็ได้

เพราะบางทีผู้ใหญ่เองก็ยังขาดความร่วมมือจากเด็กอีกเหมือนกัน แม้จะรู้ดีว่า เด็ก คือ อนาคตของชาติ แต่ก็อย่าลืมว่า ผู้ใหญ่ ก็ยังคือ อนาคคตของเด็ก เช่นกัน


ถ้าทั้ง2ฝ่ายให้ความร่วมมือใยดีกัน ก็เชื่อว่า แสงสว่างแห่งความเจริญของชาติคงอยู่ไม่ไกล



ปรัชญา"จิตวิทยา"เพื่อการพัฒนาจิตใจคน (อินทรีย์เมฆารวบรวม)




เพลโต เชื่อว่า การคิดและการใช้เหตุผลเท่านั้น ที่ทำให้คนเกิดความเข้าใจในสิ่งที่เขาสามารถจะเข้าใจได้

อริสโตเติล เชื่อว่า การสังเกตสิ่งรอบตัว เขาสนใจสิ่งภายนอกที่มองเห็นได้ การเข้าใจปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับคนต้องเริ่มด้วยการสังเกตอย่างมีระบบ 

    ทั้งสอง ปรัชญา นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญด้านจิตวิทยาเพื่อการพัฒนาจิตในคน ไปในทางที่ถูกต้องได้ หากยังสามารถจับใจความของทั้งสองปรัชญานี้มาผนวกรวมกันได้อย่างลงตัว ก็จะออกมาเป็นรูปแบบของปรัชญาในทำนองที่ว่า " เมื่อใขปริศนาทางความคิดของตนอันเป็นนัยแอบแฝงอยู่ภายในสิ่งที่เราสังเกตุได้อย่างพินิจคำนึงคิดแล้วไซร้ คุณก็จะสามารถได้คำตอบอันประกอบด้วยเหตุซึ่งธำรงค์น้ำหนักน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดีเยี่ยม

ทั้งยังช่วยต่อ ยอดให้ได้มองเห็นถึงวัฏจักรความเป็นจริง ที่ส่งทอดไปยังหนทางแห่งการแก้ไขหลีกเลี่ยง หรือ ยอมรับได้ ต่อไป ในด้านของจิตวิทยาการดำรงค์ชีวต

" มนุษย์เราทุกวันนี้คงต้องยอมรับกับสิ่งที่ร่วมกันกระทำโดยรู้ตัวแต่แกล้งไม่ใส่ใจกันมากขึ้นอีก
เพื่อพยายามมองหาแนวทางการปรับตัวและกลับใจอย่างพร้อมเพรียงกันต่อการบำรุงสภาวะประคองเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดทั้งที่เกิดขึ้นแล้วและยังไม่เกิดขึ้นอันเลวร้ายให้กลายเป็นดี


เพชรซาอุ ทำไทยระทม

"โดยใด ได้กระจ่าง เพชรซาอุฯ ซึ่งทำไทยระทม " เรื่องเริ่มจาก 2538 นายเกรียงไกร ที่เป็นคนงานในวังเจ้าชายขโมยเพชรจากวังมาเมืองไทย พอมาถึงไทยก็ทำการคัดแยก โดยการแยกชิ้นส่วนเอาเพชรกับทองแยกออกจากกัน เพราะรู้จักแต่ทองว่ามีค่า โดยนำทองไปขายที่ร้านทอง ใน จ.แพร่ และ จ.ลำปาง ผลการสอบเจ้าของร้านทองก็ไม่ปรากฏว่าพบเห็นหรือรู้เรื่องเพชรบลูไดมอนด์ ส่วนเพชรนายเกรียงไกรก็ไม่รู้จัก รู้แต่ว่าเพชรมีความแข็งมากจึงลองทุบบางส่วนดู เม็ดไหนแตกก็ทิ้งไป เม็ดไหนไม่บุบสลายก็แยกไว้ แต่ไม่ได้ทุบไปเสียทั้งหมด จากนั้นได้นำเพชร พลอย อัญญมณีอื่นๆที่แยกออกจากทองแล้วไปฝังดินไว้บางส่วน บางส่วนทะยอยขายให้แก่นายสันติ ศรีธนขัณฑ์ เจ้าของร้านเพชรชื่อดัง ซึ่งบางส่วนถูกนำไปขายต่ออีกทอดโดยมี พล.ต.อ.คนหนึ่งซึ่งเป็น อดีต รอง ผบ.ตร.และชอบค้าของเก่าและของมีค่าร่วมมือกับนายสันติขายเพชรซาอุด้วย เอาล่ะมาดูที่คำให้การ นายเกรียงไกร : เนื่องจากไม่มีความรู้เรื่องเพชร แจกจ่ายก็เยอะ ขายก็แยะ เลยไม่แน่ใจว่า ได้เจอเพชรบูลไดมอนหรือเปล่า เพราะนำเครื่องเพชรออกมาเป็นจำนวนมากจนไม่สามารถจดจำรายละเอียดได้ครบถ้วน นายสันติ และภริยา ยันว่า ไม่เคยเห็นเพชรบลูไดมอนด์ ความตายของนางดาราวดี และ ด.ช.เสรี ศรีธนขันฑ์ เป็นข้อพิสูจน์ได้ดีว่า ผู้รับซื้อเพชรซึ่งมีอยู่รายเดียวจากนายเกรียงไกร ต่างไม่เคยเห็นเพชรบลูไดมอนด์ มิฉะนั้นคงรับสารภาพและคืนให้ไปแล้วเมื่อเห็นความตายและความเดือดร้อนของตน เอง ครอบครัว และบุตรอยู่ตรงหน้า ทางซาอุดิอาระเบีย : ก็ไม่รู้ว่าเครื่องเพชรที่ถูกขโมยมีชนิดหรือประเภทใดอย่างครบถ้วนเพราะ เครื่องเพชรมีเป็นจำนวนมากที่อยู่ในครอบครองและที่ถูกขโมยมา ทั้งยอมรับว่าเครื่องเพชรที่ถูกขโมยมีทั้งของจริงและของปลอมที่ซื้อจากห้าง May Flower ซึ่งทำอัญญมณีประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงมาก ทั้งไม่ทราบว่าเครื่องเพชรอันใดเทียมหรือจริง ข้อตำหนิเรื่องส่งคืนเครื่องเพชรปลอมและไม่ครบถ้วนจึงสามารถทำความเข้าใจที่ ชัดเจนได้ในเวลาต่อมา ตกลงแล้วเพชรบลูไดมอนที่ล่ำลือนั่นเข้ามาในไทยหรือเปล่าก็ยังไม่มีใครตอบได้! -------------------- แล้วทางซาอุมีปัญหาอะไรกับเราเรื่องนี้? ประเด็นที่เป็นปัญหาความสัมพันธ์จนถึงปัจจุบันไม่ใช่เรื่องเพชรซาอุ แต่เป็นเรื่องการหายตัวไปของนายลูไวรี นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเขาเชื่อว่าเสียชีวิตแล้วโดยการสังหารของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยที่มีนาย ตำรวจระดับผู้บัญชาการภาคในปัจจุบันคนหนึ่งเป็นผู้บงการ แต่ไม่ถูกจับกุม แถมยังได้รับการส่งเสริมให้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นตรงนี้สำคัญเพราะ เมื่อซาอุไม่ติดใจสงสัยก็หมายความว่าไม่มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่ใต้ พรมอีกต่อไป ทุกอย่างควรจบลงไปนานแล้ว แต่กลับไม่จบ ถ้าอย่างนั้นประเด็นเพชรซาอุทางการเมืองมาจากไหน? ตอบได้ว่าหลังจากการยึดอำนาจเมื่อ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างคุณทักษิณกับฝ่ายตรงข้ามทวีความรุนแรงเป็นลำดับ โดยเฉพาะการกล่าวหาสถาบันอยู่เบื้องหลังเรื่องดังกล่าวด้วย เรื่องเพชรบลูไดมอนด์ ถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของคนบางกลุ่ม โดยมีเจตนาทำให้คนรากหญ้าเชื่อว่าเพชรบลูไดมอนด์ตกอยู่ในความครอบครองของ บุคคลในสถาบัน เพื่อทำให้คนเกลียดสถาบันซ้ำมากขึ้นไปอีก ในประเด็นไม่เพียงแต่อยู่เบื้องหลังโค่นล้ม ทักษิณแล้ว ยังมีกรณีเพชรซาอุเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งเอาไปแต้มสีต่อว่า คุณทักษิณถูกโค่นล้มจากอำนาจเพราะว่า พยายามนำเพชรบลูไดมอนด์กลับคืนสู่ซาอุ เพื่อคนอีสานจะได้กลับเข้าไปทำงานที่ซาอุดิอาระเบียได้เหมือนเดิม สรุป - ไม่มีใครในเมืองไทยเคยเห็นเพชรบลูไดมอน - ที่มีข่าวเพชรซาอุเพราะมีรูปของคนๆหนึ่ง ใส่เครื่องเพชรที่คล้ายๆกันปรากฏผู้ว่าเชี่ยวชาญต่างชาติพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ - ไม่มีหลักฐานการเห็นเพชรซาอุที่ไหนอีก - เรื่องเพชรที่ขโมยมาเคลียร์จบไปนานแล้ว ซาอุไม่ติดใจ - ซาอุมีปัญหากับไทยเพราะเรื่องคดีฆ่านักการทูตต่างหาก มันก็แค่นี้

วัดคลองเก่า ไม้ตรา อยุธยา (อินทรีย์เมฆาเรียบเรียง)



     
        วัดราษฏร์ศัทธาธรรม มีชื่อเดิมว่า วัดคลองเก่า
ตั้งอยู่ ณ.บ้านคลองเก่า ต.ไม้ตรา
อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธา
ไม่ปรากฎนามผู้นำสร้าง สันธิฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นวัดราษฎร์ซึ่งชาวบ้านร่วมกันสร้างขึ้นด้วยศรัทธาในพระพุทธศาสนา
ภายในวัด
ประกอบด้วย พระอุโบสถ สร้างขึ้นโดย หลวงพ่อเเม้น จงอวยพร พระผู้มีชื่อเสียงในด้านการเทศนาพระธรรม
ที่ด้านในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูป
ทรงเครื่องลายดอกพิกุล ศิลปะกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น อายุกว่า 200 ปี
พระพุทธรูปทรงเครื่องลายดอกพิกุลปรากฎครั้งเเรกใน
สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่3
 พระพุทธรูปทรงเครื่องลายดอกพิกุลที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถวัดราษฏร์ศรัทธาธรรม
 แห่งนี้ มีทั้งสิ้นสององค์ด้วยกัน องค์หนึ่งมีหน้าตัก 19 นิ้ว
อีกองค์หนึ่งมีหน้าตัก 9นิ้ว
ปัจจุบันยังไม่ปรากฎเป็นที่เเน่ชัดว่า ผู้ใดสร้างหรืออัญเชิญมาจากที่ใด
ด้านพระเกจิชื่อดังคือ
 หลวงปู่พล ถาวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองเก่า
มีชื่อเสียงในด้านวิชาการสักยัน และ ปลุกเสกเครื่องลาง
หลวงปู่พล ถาวโร เกจิอาจารย์และอดีตเจ้าอาวาส

พลวงพ่อเล็ก อดีตเจ้าอาวาส


หลวงพ่อแม้น จงอวยพร อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส

หลวงพ่อแม้น จงอวยพร วัดคลองเก่า(อินทรีย์เมฆารวบรวม)

หลวงพ่อเเม้น จงอวยพร สมัญยะปฐมสกุล อันเปรียบเทียบเสมอเหมือน "ต้นสกุล จงอวยพร" อีกผู้หนึ่งก็ว่าได้ อันเนื่องมาจาก หลวงพ่อเเม้นโชติปาโล(จงอวยพร) เป็นผู้กระทำคุณประโยชน์ด้านการพระพุทธศาสนา สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักของชาว ตำบลไม้ตรา อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นอย่างมาก ราวปี2449 ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ซึ่งมีความช่ำชองด้านการเทศน์มหาชาติมากที่สุดในละเเวกนั้น ถึงขนาดเเม้จะลาสิกขาบทออกมาเเล้ว พอถึงใกล้ช่วงวันพระใหญ่ๆชาวบ้านก็จะกราบขอเจ้าอาวาสหลวงพ่อเล็ก
ในขณะนั้นว่าให้คุณเเม้นกลับมาอุปสมบทเพื่อเทศนาให้ชาวบ้านฟัง พอหมดช่วง วันพระ ก็ลาสิกขาบทดังเดิม เลยกลายเป็นว่าเดี๋ยวบวชเดี๋ยวสึกกันอยู่หลายหน ซึ่งหลวงพ่อท่านก็ทำด้วยความเต็มใจถึงเเม้จะมีภาระหน้าที่ภายในครอบครัว ก็ตาม จนกระทั้งเมื่ออายุครบกำหนดต้องเกณฑ์ทหารจึงห่างหายไปได้ช่วง- หนึ่ง ซึ่งผู้กล่าวจะขอลำดับกรณียกิจของหลวงพ่อเเม้น จงอวยพร ดังต่อไปนี้ -ปีพุทธศักราช2460 เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุอีกครั้งณ.วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม ดังเดิม โดยตั้งจิตภาวนาหวังเพื่ออุทิศบำเพ็ญกุศลเเด่ ศาคณาญาติ หลังจากที่ตนครบกำหนดการเกณฑ์ทหารมา เเละปฎิบัติกิจด้านการเผยเเพร่ พระพุทธพจน์อย่างเสมอภาคเสมอปลาย มาโดยตลอดจนเป็นที่นิยมของ ชาวบ้านมากขึ้น -ปีพุทธสักราช 2461 สิริมายุได้25ปี จึงลาสิกขาบทออกมาเพื่อสร้างรากฐาน ด้านครอบครัวของตน โดยเเต่งงานกับ นางสาวชื้น เหยียดทรัพย์ เเละใช้ชีวิต อย่างสงบเรื่อยมาซึ่งชาวบ้านในละเเลกต่างก็เรียกท่านว่า ท่านทิต เเปลว่า ผู้รู้-ผู้เเจ้ง -ปีพุทธศักราช 2471 โดยประมาณ เป็นประธานร่วมในการจัดสร้างหอสวดมนต์ ให้กับวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม ในการจัดหาไม้สัก เเละเป็นประธานในการทอดกฐิน สามัคคีหลายครั้งจนกระทั้งประสบผลสำเร็จ -ปีพุทธศักราช2485 เกิดภาวะน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา - อย่างหนัก หลวงพ่อเเม้นจงอวยพร ในขณะที่เป็นฆาราวาสจึงเดินทางไปกรุงเทพ โดยอาศัยอยู่กับญาติที่นั่นเพื่อทำงานเทศบาลเเห่งหนึ่งด้วยความที่เป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีพูดเก่งจึงรู้จักคนโน้นคนนี้จนกระทั่งกลายเป็นที่สนิทสนมของ ขุนหลวงท่านหนึ่งเเละก็ได้ไปร่วมงานกับท่านซึ่งท่านทำงานด้านการทูต -ปีพุทธศักราช 2488 เดินกลับมาบ้านเกิดเเละได้รับเเต่งตั้งจากเจ้าอาวาส พระอาจารย์อู๋ให้เป็นหัวหน้าบริหารฝ่ายการเงินวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม (วัดคลองเก่า)อยุธยา ซึ่งเป็นผลมาจากคำเชิญชวนขอ ของชาวบ้านด้วย -ปีพุทธศักราช 2490 โดยประมาณอาชีพการทำนาที่หลวงพ่อเเม้นมีความเชี่ยว ชาญกลับไม่อำนวยด้วยสภาวะของเศรษฐกิจที่ไม่ดีเเละด้วยความเป็นห่วงสถานะ การเงินภายในครอบครัวจึงจำต้องเดินทางไปทำอาชีพค้าขายอยู่ที่พระประเเดง จังหวัดสมุทปราการ ซึ่งมีญาติเเละลุกชายอยู่ที่นั่นในขณะเดียวกันก็อุทิศตนเพื่อ การบำรุงพระพุทธศาสนา ช่วยเหลือวัดโปรดเกตุเชษฐาราม จนเป็นที่รู้จักของคน เเถวนั้นมาก นอกจากนั้นท่านก็ยังช่วยเหลือวัดวาอารามในละเเวกใกล้เคียง เช่น วัดไพรพยนต์ วัดอาสา อยู่บ่อยครั้ง -เมื่อสิริมายุได้ 70 ปีเศษ จึงขอกลับมาบวช ณ.วัดเสนาสนารามราชวรมหาวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยมีพระอุปัชฌาย์คือพระเดชพระคุณพระราชเมธา- กร เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งครั้งเเรกที่เห็นหลวงพ่อเเม้น พระคุณ- ท่านถึงกับเอ่ยปากขึ้น ว่า อ๋อ...เเม้น จงอวยพร น่ะหรือ รู้จักดี.. (วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร)
-ต่อมา หลวงพ่อเเม้น จงอวยพร มีดำริเห็นสมควรที่จะสร้างพระอุโบสถให้ เเก่วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม เพื่อรำลึกบุญคุณที่อารามเเห่งนี้เป็นอารามเเห่งเเรกที่ ปลูกฝังสอนสั่งให้หลวงพ่อได้มีวันนี้เข้าใจถึงการเป็นมนุษย์ที่ดีเเละเป็นมนุษย์- ชาติสมณสงฆ์ผู้เจริญรอยตามพระปณิธานเเห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างถูกต้องเสมอมา... การนี้พระเดชพระคุณพระราชเมธากร เจ้าอาวาสวัดเสนาสนาราม- ราชวรมหาวิหารเเละเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นที่ปรึกษา เจ้าพระคุณพระอธิการสาย อุตตโม เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม(วัดคลองเก่า)อยุธยา เป็นรองที่ปรึกษา พระเดชพระคุณเจ้าพระญาณดิลก เจ้าอาวาสวัดนิเวศน์ธรรมประวัติ รองที่ปรึกษาด้านการจัดซื้อสิ่งอุปกรณ์เเละติดต่อประสานงานร่วมทั้งบุตรชาย ของหลวงพ่อเเม้น จงอวยพร คือพระม้วน จงอวยพร คุณชำนาญ จงอวยพร(ปธ.)เป็นประธานทอดกฐินสามัคคีเพื่อจัดหาทุน คุณธง จงอวยพร ผู้จัดหาทุนสายพระประเเดง ตลอดจนญาติๆเเละบุคคลรู้จักหลายสายต่างช่วยกันเป็นการใหญ่ -ปีพุทธศักราช2511 หลวงพ่อเเม้นจงอวยพรให้เกียรติกรุณาธุดงลงเป็นประธาน กรรมการฝ่ายการจัดงานพิธีฝังลูกนิมิตพระอุโบสถวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม พร้อมด้วยพระภิกษุผู้ทรงสมณศักดิ์หลายชั้นยศตลอดจนผู้ร่วมงานจากทุกสาร ทิศต่างร่วมงานเป็นจำนวนมากโดยการนี้ประธานผู้ประกอบพิธีฝังลูกนิมิต คือพระสมุทห์สินธุ์ ภูริปัญโญหรือพระอาจารย์สินธุ์ เเห่งวัดบันลือธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุยา ร่วมทั้งมี่งานรื่นเริงการกุศล มโหรสพต่างๆถึง 3 วัน 3 คืน อีกทั้งยัง "ได้มีการจัดพิมพ์เหรียญบูชางานฝังลูกนิมิต" ถวายหลวงพ่อเเม้น จงอวยพร อีกด้วย -2519 เปลี่ยนกรรมสิทธิ์มูลนิธิหลวงพ่อเเม้นจงอวยพรวัดเสนาสนาราม ราชวรวิหารเป็นมูลนิธิวัดราชฎร์ศรัทธาธรรมเพื่อจัดหาทุนในการสร้างศาลาการ- เปรียญให้เเก่วัดต่อ -2521 โรคชราครอบงำ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาเเละจาก ไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2521 เวลา 15.30น.ตรงกับวันตรุษจีน โดยงานพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมถวายดวงวิญญาณ หลวงพ่อเเม้น จงอวยพร มีขึ้นเป็นเวลา 5วัน หลังจากนั้นบรรจุศพตั้งบำเพ็ญกุศล 300 วัน โดยมีพิธีบำเพ็ญกุศล ปัญญาสมวาร 50 วัน เเละพิธีบำเพ็ญกุศล สตมวาร 100 วัน 200วัน 300 วัน ถวายตามลำดับ