วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

+พระประวัติ+ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี 

ประสูติเมื่อวัน พฤหัสบดีที่ 5 เมษายน 2494
 เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
และ
หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ณ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว 
ทรงประกาศลาออกจากฐานันดรศักดิ์เป็นสามัญชน เพื่อเข้าพระพิธีเสกสมรสกับ ปีเตอร์ แลดด์ เจนเซน ในพระบรมหาราชวังตามพระราชประเพณี แล้วเสด็จไปประทับด้วยพระสวามี ณ สหรัฐอเมริกาเมื่อ พ.ศ. 2515 ก่อนจะเสด็จนิวัติประเทศไทยเป็นการถาวรเมื่อ พ.ศ. 2544
ภายหลังเสด็จนิวัติประเทศไทยเป็นการถาวร พระองค์ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจนานัปการในด้านการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจนเป็นที่ประจักษ์ ทรงให้การช่วยเหลือราษฎรณ์และให้โอกาส ผู้พิการ เยาวชน ตลอดจนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ อีกทั้งยังทรงแสดงภาพยนตร์ตามบทพระนิพนธ์หลายเรื่อง รวมทั้งทรงเป็นผู้ดำเนินรายการที่เป็นประโยชน์แก่สังคมด้วย
ปัจจุบัน ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นสามัญชนตามที่ระบุไว้ในประกาศการลาออกจากฐานันดรศักดิ์ดังกล่าว

พระประวัติโดยละเอียด

ประสูติ

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ประสูติเมื่อ วันพฤหัสบดี 5 เมษายน พ.ศ. 2494[2] เวลา 23.28 น. ณ โรงพยาบาลมองชัวซีส์ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และได้เสด็จนิวัตพระนคร แล้วประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต
และเมื่อถึงงานพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่แล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระอิสริยยศเมื่อประสูติ คือ "สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี" โดยพระนามของพระองค์มาจากพระนามและนามของพระประยูรญาติหลายพระองค์ อันได้แก่
นอกจากนี้ พระองค์ยังมีพระนามเล่นของพระองค์ว่า ลา ปูเป้ (La Poupée) ซึ่งเป็นคำมาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ตุ๊กตา ทูลกระหม่อมพ่อและสมเด็จแม่ของพระองค์ ทรงเรียกว่า "เป้" อีกด้วย

การศึกษา

ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงเข้ารับการศึกษาขั้นต้นจนสำเร็จจากโรงเรียนจิตรลดา ครั้นทรงสำเร็จมัธยมศึกษา ได้เสด็จไปประทับ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อทรงเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีจนสำเร็จ ณสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในสาขาวิชาคณิตศาสตร์ และสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ชีวเคมี (Bachelor of Science Degree in Bio-Chemistry) จากนั้น ทรงเข้ารับการศึกษาต่อจนสำเร็จปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส ณ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ในสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ (Statistics and Public Health) จนสำเร็จในการศึกษา

การอภิเษกสมรส

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์[1] เพื่อทรงอภิเษกสมรสกับปีเตอร์ แลด เจนเซน ชาวอเมริกัน ในพระบรมหาราชวังตามราชประเพณี และเสด็จประทับอยู่สหรัฐอเมริกา ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และปีเตอร์ เจนเซน มีโอรส-ธิดา 3 คน ทั้งหมดเกิดในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ คุณพลอยไพลิน เจนเซน (12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524), คุณพุ่ม เจนเซน (16 สิงหาคม พ.ศ. 2526 – 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547) และคุณสิริกิติยา เจนเซน (18 มีนาคม พ.ศ. 2528)

การเสด็จนิวัตประเทศไทย

เมื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประทับอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น บางปีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ได้เสด็จมาเยี่ยมบ้าง และพระองค์เสด็จนิวัตประเทศไทยเพื่อทรงเยี่ยมพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทั้งได้ทรงร่วมงานพระราชพิธีต่าง ๆ พร้อมด้วยพระโอรสและพระธิดาดังนี้
  • การเสด็จนิวัตประเทศไทยครั้งที่ 1 เพื่อทรงเยี่ยมพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถและพระบรมวงศานุวงศ์ เมื่อ พ.ศ. 2523
  • การเสด็จนิวัตประเทศไทยครั้งที่ 2 เพื่อทรงร่วมงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีและ นาวาอากาศเอก วีระยุทธ ดิษยะศริน ขณะมียศ เรืออากาศโท เมื่อ พ.ศ. 2525
  • การเสด็จนิวัตประเทศไทยครั้งที่ 3 เพื่อทรงงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530
  • การเสด็จนิวัตประเทศไทยครั้งที่ 4 เพื่อทรงงาน พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2535
  • การเสด็จนิวัตประเทศไทยครั้งที่ 5 เพื่อทรงร่วมงาน พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อ พ.ศ. 2538
  • การเสด็จนิวัตประเทศไทยครั้งที่ 6 เพื่อทรงร่วมงาน พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อ พ.ศ. 2539
  • การเสด็จนิวัตประเทศไทยครั้งที่ 7 เพื่อทรงร่วมงาน พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542
เมื่อทรงหย่ากับปีเตอร์ แลด เจนเซน เมื่อ พ.ศ. 2541 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จนิวัตประเทศไทยและประทับอยู่เป็นการถาวรเมื่อ พ.ศ. 2544
ภายหลังเสด็จนิวัติประเทศไทยเป็นการถาวร พระองค์ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจนานัปการในด้านการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจนเป็นที่ประจักษ์และยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ นอกจากนี้ยังทรงให้การช่วยเหลือราษฎรณ์และให้โอกาส ผู้พิการ เยาวชน ตลอดจนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ โดยมีพระดำริให้จัดตั้งมูลนิธิต่าง ๆ ขึ้นในการช่วยเหลือและให้โอกาสประชาชน อีกทั้งยังทรงพระปรีชาสามารถในแสดงภาพยนตร์ตามบทพระนิพนธ์หลายเรื่อง เป็นต้นว่า หนึ่งใจ... เดียวกัน (พ.ศ. 2551), มายเบสต์บอดีการ์ด (พ.ศ. 2552) โดยนำรายได้ทั้งหมดในการจัดฉายภาพยนต์ดังกล่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศไปช่วยเหลือประชาชนและผู้ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ทั่วประเทศ และเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมภาพยนต์ของไทยในระดับนานาชาติอีกด้วย


พระกรณียกิจ

ด้านสังคมสงเคราะห์

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจด้านการช่วยเหลือราษฎรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข โดยทรงตั้งมูลนิธิชีวิตสดใสเป็นองค์การสาธารณกุศล
นอกจากนี้ ยังทรงตั้งมูลนิธิ Miracle of Life เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบปัญหาต่าง ๆ เช่น ด้านการศึกษา ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านการช่วยเหลือ ด้านการศาสนา โดยได้เสด็จหรือทรงโปรดให้ผู้แทนพระองค์ไปดูความคืบหน้าของโครงการอยู่เป็นประจำ

ด้านการรณรงค์การแก้ไขปัญหายาเสพติด


สัญลักษณ์ประจำโครงการทูบีนัมเบอร์วัน
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มีพระดำริให้มีและทรงรับเป็นองค์ประธานโครงการ "To Be Number One" เพื่อรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาทั่วประเทศ และหน่วยงาน องค์กร ชุมชนต่าง ๆ ตามพระปณิธาน "ทุกคนเป็นหนึ่งได้โดยไม่พึ่งยาเสพติด" มุ่งหมายให้เยาชนใช้เวลาว่างมาร่วมกิจกรรมอันเปิดโอกาสให้กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก นอกจากนี้ ยังมี "ศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่น" ซึ่งให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาต่าง ๆ ของเยาวชน เช่น ปัญหาครอบครัว และปัญหายาเสพติด มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่มากถึง 31 ล้านคน หรือครึ่งประเทศ
นอกจากนี้ ยังทรงเปิดศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่นทั่วประเทศ และเสด็จมาเยี่ยมชมกับพระราชทานรางวัลในการประกวดของชมรมทูบีนัมเบอร์วันและงานรวมพลคนทูบีครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีด้วย
ต่อมา รัฐบาลสหรัฐแม็กซิโกได้กราบทูลเชิญทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เพื่อทรงเป็นองค์ประธานในงานประชุมเยาวชนโลก (World Youth Conference) ประจำปี 2553 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเม็กซิโก โดยเม็กซิโกให้ความสนใจโครงการทูบีนัมเบอร์วันและให้การยกย่องว่า เป็นต้นแบบในการป้องกันเยาวชนติดยาเสพติดเป็นผลสำเร็จ และต่างชื่นชมในความเป็นผู้นำที่สร้างสรรค์ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี

ด้านเด็กออทิสติก

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเห็นว่า เด็กออทิสติกไม่ได้เรียนหนังสือ จนทำให้เป็นคนไม่ปกติ จึงทรงตั้งมูลนิธิคุณพุ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2548 ภายหลังจากที่ คุณพุ่ม เจนเซ่น พระโอรสซึ่งเป็นโรคออทิสติกด้วยนั้น ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2548 บางปียังพระราชทานเงินส่วนพระองค์ให้แก่เด็กออทิสติกนำไปใช้จ่ายเป็นทุนการศึกษาและเพื่อให้เด็กออทิสติกได้พัฒนาตนเอง

ด้านการกีฬา

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มีพระปรีชาในกีฬาเรือใบ และเคยทรงลงแข่งกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อแปรพระราชฐานยังพระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ ทรงเคยเข้าร่วมการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในฐานะนักกีฬาทีมชาติ ที่งานกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2510 และทรงทำคะแนนรวมได้เป็นที่ 1 เสมอด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงร่วมการแข่งขันเช่นกัน จึงได้รับพระราชทานเหรียญทองจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ ร่วมกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช[3]

ผลงานในวงการบันเทิง


ด้านการแสดงละคร

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์แรกซึ่งทรงเป็นดาราและทรงเล่นละครด้วยพระองค์เอง
เมื่อปี พ.ศ. 2546 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ทรงละครสองเรื่องแรก คือ กษัตริยา และ มหาราชกู้แผ่นดิน ตามคำกราบทูลเชิญของบริษัทกันตนา ละครทั้งสองออกอากาศสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 19:30 นาฬิกา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2549 ได้ทรงแสดงนำในละครเรื่อง อนันตาลัย ซึ่งทรงประพันธ์เค้าโครงเรื่องด้วยพระองค์เองโดยใช้พระนามแฝงว่า "พลอยแกมเพชร" ละครดังกล่าวออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี

การออกรายการโทรทัศน์

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้เสด็จมาทรงถ่ายรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับพระองค์เป็นประจำ ตามคำกราบทูลเชิญคณะบุคคลต่าง ๆ เพื่อออกเผยแพร่ทางโทรทัศน์ โดยเฉพาะรายการที่พระองค์ทรงออกรายการทางโทรทัศน์อยู่เป็นประจำเป็นรายการที่มีความรู้และสาระต่าง ๆ ที่ประชาชนได้รับชมอยู่จนถึงปัจจุบัน มีทั้งหมด 2 รายการ มีดังนี้
  • ทูบีนัมเบอร์วัน วาไรตี้ เมื่อ พ.ศ. 2550 ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อห่างไกลยาเสพติด ผลิตโดย โครงการทูบีนัมเบอร์วั นและกรมสุขภาพจิต พระองค์จะออ ช่วง Talk to the Princess ตอบจดหมายจากผู้ชม จะออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 20:30–21:30 นาฬิกา ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
  • พรินเซสไดอารี (Princess Diary) เมื่อ พ.ศ. 2551 เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของต่างประเทศ ปัจจุบัน เปลี่ยนรูปแบบใหม่เป็นการสัมภาษณ์ดารารับเชิญในห้องส่ง โดยเล่าประวัติและผลงานของดารารับเชิญ ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 23:05–24:00 นาฬิกา ทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี

การแสดงภาพยนตร์

เมื่อ พ.ศ. 2551 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ทรงถ่ายภาพยนตร์เรื่อง หนึ่งใจเดียวกัน เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในพระองค์ จากบทพระนิพนธ์ เรื่องสั้นที่...ฉันคิด ทำรายได้ 50 ล้านบาท[4] ต่อมา ยังทรงแสดงในภาพยนตร์เรื่อง มายเบสต์บอดีการ์ด และ พระนางจามเทวี[5] ภาพยนตร์ทั้งสามได้เข้าฉายในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ โดยเสด็จมาทรงร่วมในพิธีเมื่อ พ.ศ. 2551, 2552 และ 2553
ใน พ.ศ. 2555 ทรงร่วมแสดงภาพยนตร์อีกสองเรื่อง คือ เรื่อง ว่ายน้ำข้ามทะเลดาว ร่วมกับ โทนี่ รากแก่น เทิดพระเกียรติยศพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในวันพระราชสมภพ 5 ธันวาคม 2555 เข้าฉายในวันที่ 1–23 ธันวาคม พ.ศ. 2555 และเรื่อง ทูเก็ตเตอร์ วันที่รัก ร่วมกับ สหรัถ สังคปรีชา และ ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์ เข้าฉายวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ด้านการร้องเพลง

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงมีผลงานเพลงหลายผลงานในสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เช่น เพลงประจำโครงการทูบีนัมเบอร์วัน เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง หนึ่งใจ...เดียวกัน เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง มาย เบส บอดี้การ์ด เพลง "ทางของฉัน" และเพลง "ผู้ชายคนนั้น" นอกจากนี้ ยังทรงได้รับเชิญเข้าร่วมร้องเพลง "ขวานไทยใจหนึ่งเดียว" เมื่อปี 2547 ด้วย

องค์กรในพระอุปถัมภ์

พระเกียรติยศ

พระอิสริยยศ

  • สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี (5 เมษายน พ.ศ. 2494 – 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2515)
  • ท่านผู้หญิงอุบลรัตนราชกัญญา เจนเซน / จูลี เจนเซน[6][7] (25 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 – พ.ศ. 2544)
  • ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี (พ.ศ. 2544 – ปัจจุบัน)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ

เครื่องอิสริยยศ

ครั้งที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงนั้น ทรงมีเครื่องอิสริยยศประจำพระองค์ที่ทรงได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเมื่อทรงลาออกฐานันดรศักดิ์แห่งราชวงศ์แล้ว ได้คืนเครื่องอิสริยยศดังกล่าวทั้งสิ้น เครื่องอิสรริยยศเหล่านั้นประกอบด้วย
  • พระสุพรรณบัฎ พร้อมหีบทองคำลงยาราชาวดี ประดับตราพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ประดับเพชร
  • พานพระศรีทองคำลงยาราชาวดี พร้อมจอกทองคำลงยาราชาวดี ผอบทองคำลงยาราชาวดียอดปริกประดับเพชร ซองพลูทองคำขอบบนล่างประดับทับทิม และมีตลับภู่ประดับทับทิมกับเพชร ไม้ควักพระกรรณ ไม้แคะพระทนต์ และพระกรรบิดทองคำลงยาราชาวดีประดับทับทิม
  • หีบพระศรีทองคำลงยาราชาวดีประดับตราพระจุลมงกุฎ มีลูกหีบสามหีบ พร้อมพานรองลงยาราชาวดี
  • พระสุพรรณศรีทองคำลงยาราชาวดี
  • พระภิงคารทองคำลงยาราชาวดี พร้อมพานรองลงยาราชาวดี
  • ขันพระสุธารสทองคำลงยาราชาวดี ที่ขอบประดับทับทิม พร้อมพานรองลงยาราชาวดี กับจอกทองคำลงยาราชาวดี
  • ขันสรงพระพักตร์ทองคำลงยาราชาวดี พร้อมพานรองลงยาราชาวดีขอบประดับทับทิม กับคลุมปัก
  • ที่พระสุธารสชาทองคำสลักลาย ประกอบด้วย กาพระสุธารสชาทองคำสลักลาย ถ้วยพระสุธารสชาทำจากหยก มีถาดทองคำสลักลาย
  • กาพระสุธารสทองคำสลักลาย ทรงกระบอก พร้อมพานรอง ทองคำสลักลาย

รางวัล

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงได้รับรางวัลดังต่อไปนี้

ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

ปริญญากิตติมศักดิ์สถาบันวันที่
ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสาธารณสุขศาสตร์[14]มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์16 กรกฎาคม พ.ศ. 2546
ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการพัฒนาสังคม[15]มหาวิทยาลัยเชียงใหม่28 มกราคม พ.ศ. 2547
ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขายุทธศาสตร์การพัฒนา[16]มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่7 กรกฎาคม พ.ศ. 2547
ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขายุทธศาสตร์การพัฒนา[17]มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์พ.ศ. 2547
ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขายุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางพ.ศ. 2547
พยาบาลศาสตรดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพยาบาลศาสตร์[18]มหาวิทยาลัยขอนแก่น22 ธันวาคม พ.ศ. 2547
ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการศึกษาพิเศษ[19]มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์พ.ศ. 2548
การศึกษาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาจิตวิทยาการให้คำปรึกษา[20]มหาวิทยาลัยมหาสารคามพ.ศ. 2548
ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการบริหารและประเมินโครงการ[21]มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่18 มกราคม พ.ศ. 2549
ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการพัฒนาสังคม[22]มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาพ.ศ. 2548
ปริญญากิตติมศักดิ์[23]วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรพ.ศ. 2549
ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชานิเทศศาสตร์[24]มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล16 ธันวาคม พ.ศ. 2549
ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ประเภททั่วไป[25]มหาวิทยาลัยศรีปทุม1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาบริหารการศึกษา[26]วิทยาลัยเฉลิมกาญจนา จังหวัดศรีสะเกษพ.ศ. 2553
รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาบริหารการศึกษา[27]มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีพ.ศ. 2553
ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา[28]มหาวิทยาลัยรามคำแหงพ.ศ. 2554
ศึกษาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์[29]มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช9 มีนาคม พ.ศ. 2555
นิเทศศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการภาพยนตร์[30]มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา14 สิงหาคม พ.ศ. 2555
สาธารณสุขศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์[31]มหาวิทยาลัยนเรศวร12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
สาธารณสุขศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการสุขภาพ[32]มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สิ่งอันเนื่องด้วยพระนาม

สถาบันการศึกษา

การคมนาคม

ศาสนสถาน

ศาสนวัตถุ

สถานที่ท่องเที่ยว

สถานที่ราชการ