วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

"" ประกาศเตือน!!! ให้ระวังงานออนไลน์ "บนอินเตอร์เน็ต"!!!"

"" ประกาศเตือน!!! ให้ระวังงานออนไลน์ "บนอินเตอร์เน็ต"!!!"



ตามที่ปัจจุบัน บนสื่อออนไลน์อินเตอร์เน็ตโดยทั่วไป โดยเฉพาะบนเฟสบุ๊ค ปรากฎมีการโฆษณาชวนเชื่อเข้าร่วมธุรกิจออนไลน์บนอินเตอร์มากมาย ซึ่งสร้างความเสียหายด้านการเงินให้แก่ผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก โดยธุรกิจดังกล่าว มักโฆษณาชวนเชื่อในกลุ่ม นักเรียน นักศึกษา เข้าทำธุรกิจหลอกว่าไม่เสียค่าใช้จ่ายบ้าง ไม่ต้องลุงทุนบ้าง สมัครฟรีบ้าง เป็นต้น ซึ่งธุรกิจดังกล่าวนี้มักเป็นธุรกิจจำพวกหาสมาชิกเข้ามาร่วมนำสินค้าไปขาย จะต้องมีเงินลงทุกถึงหลักหมื่น แต่กลับโฆษณาหลอกลวงว่าไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ชวนเชื่อให้เข้าร่วมประชุม แต่กลับต้องเสียค่าใช้จ่ายกว่าเกือบพันโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า จึงถือเป็นการช่อโกงเอาเปรียบอย่างหนึ่ง อันขัดต่อศีลธรรมจรรยาบรรณและกฏหมาย
อย่างไรก็ตามธุรกิจดังกล่าวจัดอยู่ในธุรกิจจำพวกงานขายตรง ดังนั้นจึงควรศึกษาและไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนจะเข้าร่วมธุรกิจ
ส่วนวิธีการดึงบุคคลเข้าร่วมโดยมากมักส่งเมลล์เข้ามาเพื่อให้กรอกชื่อและที่อยู่ รับข้อมูลเพิ่มเติม จากนั้นจะมีคนติดต่อกลับมาเพื่อนัดไปยังสถานที่ ที่นัดพบ หรืออาจมีการโทรมารบกวนหลายครั้งสร้างความสำคาญใจ และพูดโน้มน้าวชวนเชื่อต่างๆเป็นต้น แต่สุดท้ายก็ต้องจบลงตรงที่การชวนให้จ่ายเงินลงทุนในระดับที่ค่อนข้างสูง และหลังจากนั้นก็จะต้องมีการจ่ายอีกหลายครั้งต่อมา
อย่างไรก็ตามการทำธุรกิจประเภทนี้นั้นค่อนข้างยาก สมาชิกจะได้มาด้วยซึ่งรายได้นั้น ก็จะมาจากการขายสินค้าได้เปอร์เซ็นกำไรที่ไม่คุ้มค่า ในขณะที่หารู้ไม่ว่าบริษัทจะเน้นการกอบโกยเงินจากการที่สมาชิกจะต้องจ่ายเงินให้กับบริษัทเพื่อแลกกับการที่จะได้เลื่อนขั้นกับการได้รับสินค้าเพียงไม่กี่อย่าง ให้สมาชิกนำไปขายลมๆแล้งๆ รวมไปถึงโดยเฉพาะการหาบุคคลเข้าเป็นสมาชิกร่วมธุรกิจเพื่อหวังเอาค่าสมาชิกและเงินลงทุนจากบุคคลผู้หลงเชื่อ
ในขณะเดียวกันธุรกิจประเภทนี้ก็มักใช้ข้อความโฆษณาในทำนองที่ว่า " งานเสริมหลังเลิกเรียน,งานพาร์ทไทม์ คีย์ข้อมูล " เป็นต้นด้วย
อีกทั้งยังมีการแสดงรูปภาพเป็นบุคคลถือเงินเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งถือเป็นการจัดฉากโฆษณาเช่นกัน
จึงประกาศมาให้ไตร่ตรองโดยทั่วกัน

+หอพระนาก ในวัดพระแก้ว+มีอะไร (อินทรีย์เมฆารวบรวม)


"เกร็ดความรู้ ดูไว้เจริญตาม"

"หอพระนาก"ในวัดพระแก้ว

หอพระนาก เป็นอีกสถานที่หนึ่งในการเก็บรักษาพระอัฐิของเจ้านายในราชวงศ์จักรี ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของพระอุโบสถตรงมุมระเบียบ ทางด้านตะวันตก ซึ่งใช้เป็นสถานที่เก็บพระอัฐิของเจ้านายในราชวงศ์จักรี นั้น ซึ่งในสมัยก่อนเป็นที่ประดิษฐานพระนาก ซึ่งอัญเชิญมาจากกรุงศรีอยุธยา ก็เลยเรียกกันว่า ?หอพระนาก? มาจนถึงปัจจุบัน พระอัฐิที่จะอัญเชิญเข้าไปเก็บไว้ในพระบรมมหาราชวังก็เฉพาะแต่เจ้านายฝ่ายใน ( หญิง ) แต่ถ้าหากเป็นเจ้านายฝ่ายหน้า ( ชาย ) เมื่อโปรดเกล้าฯ พระราชทานวังให้เสด็จออกวังไปแล้ว เมื่อทรงสิ้นพระชนม์ลงและได้รับพระราชทานเพลิงพระศพแล้ว ก็จะเก็บพระอัฐิอัญเชิญไว้ ณ วังของพระองค์นั้น ๆ ไป หรือบางครั้งเมื่ออัญเชิญพระอัฐิของเจ้านายจากวังต่าง ๆ มาเพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลแล้ว ทายาทหรือพระประยูรญาติก็ไม่ขอรับกลับ โดยขอถวายไว้ภายในพระบารมีพระมหกษัตริย์ พระอัฐิในหอพระนากจึงมีมาก พระทายาทบางพระองค์น้อมถวายแต่พระอัฐิ เพียงแต่ขอรับพระราชทานโกศไว้ไม่ถวายพร้อมพระอัฐิก็มี เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นพระราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์จะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศพระราชทานก็จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานไปเชิญพระโกศทรงพระอัฐิตามวังเจ้านายต่าง ๆ เข้ามาบำเพ็ญพระราชกุศลที่หอพระนากนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระสงฆ์สดัปกรณ์ ผ้าคู่อุทิศส่วนกุศลพระราชทานทำนองเดียวกับที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายสมเด็จพระบรมราชบุพการีและเจ้านายชั้นสูงในพระราชมณเฑียร ในปัจจุบัน มีพระโกศพระอัฐิ ที่ประดิษฐานอยู่ ณ หอพระนาก 241 พระโกศ

บนพระวิมาน จำนวน 4 พระโกศ
1.สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
2.สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์
3.สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ
4.พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระเบญจาชั้นที่ 1 จำนวน 15 พระโกศ
1.กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข (เจ้าฟ้าทองอิน)
2.กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ (พระองค์เจ้าชายยอดยิ่งยศ)
3.พระชนก ในสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
4.พระชนนี ในสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
5.กรมหลวงนรินทรเทวี (พระองค์เจ้าหญิงกุ ต้นราชสกุล นรินทรกุล)
6.เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฏา (ต้นราชสกุลเจษฏางกูร)
7.เจ้าฟ้ากรมขุนอนัคฆนารี (พระราชธิดาสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์)
8.กรมขุนรามินทรสุดา (พระธิดาในพระเจ้ารามณรงค์)
9.เจ้าฟ้ากรมกรมหลวงเทพหริรักษ์ (เจ้าฟ้าต้น ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ต้นราชสกุลเทพหัสดิน)
10.เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี (เจ้าฟ้าชายจุ้ย ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ต้นราชสกุล มนตรีกุล)
11.เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ (เจ้าฟ้าชายเกศ ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ต้นราชสกุล อิศรางกูร)
12.เจ้าฟ้ากุลฑลทิพยวดี (พระราชธิดาในรัชกาลที่ 1 พระมารดาเป็นนัดดาเจ้านครเวียงจันทร์)
13.เจ้าฟ้าอาภรณ์ (พระราชโอรสรัชกาลที่ 2 และเจ้าฟ้ากุลฑล ต้นราชสกุล อาภรณกุล)
14.สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาบำราบปรปักษ์ (พระราชโอรสรัชกาลที่ 2 และเจ้าฟ้ากุลฑล ต้นราชสกุล มาลากุล)
15.เจ้าฟ้าชายปิ๋ว (พระราชโอรสรัชกาลที่ 2 และเจ้าฟ้ากุลฑล )

พระเบญจาชั้นที่ 2 จำนวน 23 พระโกศ พระราชโอรส-ธิดา ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
1.กรมหมื่นอินทรพิพิธ (พระองค์เจ้าชายทับทิม ต้นราชสกุล อินทรางกูร)
2.พระองค์เจ้าหญิงเกสร
3.พระองค์เจ้าหญิงดวงสุดา
4.กรมหมื่นณรงคหิริรักษ์ (พระองค์เจ้าชายดวงจักร ต้นราชสกุล ดวงจักร)
5.พระองค์เจ้าหญิงสุด
6.กรมหมื่นศรีสุเทพ (พระองค์เจ้าชายดารากร ต้นราชสกุล ดารากร)
7.พระองค์เจ้าหญิงนุ่ม
8.กรมหลวงเทพพลภักดิ์ (พระองค์เจ้าชายอภัยทัต)
9.สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส (พระองค์เจ้าชายวาสุกรี)
10.สมเด็จกรมพระยาเดชาดิศร (พระองค์เจ้าชายมั่ง พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 ต้นราชสกุล เดชาติวงศ์)
11.สมเด็จกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ (พระองค์เจ้าชายฤกษ์ พระราชโอรส สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์)
12.กรมพระรามอิศเรศ (พระองค์เจ้าชายสุริยา ต้นราชสกุล สุริยกุล)
13.พระองค์เจ้าหญิงมณี
14.พระองค์เจ้าหญิงอุบล
15.กรมหมื่นนเรนทร์บริรักษ์ (พระองค์เจ้าชายเจ่ง พระโอรสกรมหลวงนรินทรเทวี)
16.กรมหมื่นไกรสรวิชิต (พระองค์เจ้าชายสุทัศน์ ต้นราชสกุล สุทัศน์)
17.พระองค์เจ้าหญิงมณฑา
18.พระองค์เจ้าหญิงธิดา
19.กรมหมื่นนรินทรเทพ (พระองค์เจ้าชายฉิม พระโอรสกรมหลวงนรินทรเทวี)
20.กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ (พระองค์เจ้าชายฉัตร์ ต้นราชสกุล ฉัตรกุล)
21.พระองค์เจ้าหญิงพลับ (พระราชธิดาลำดับที่ 15 ในรัชกาลที่ 1)
22.กรมหลวงพิเศษศรีสวัสดิสุขวัฒนวิไชย (พระองค์เจ้าชายสุริยวงศ์)
23.พระองค์เจ้าหญิงฉิม

ท่านใด ได้เยือน อย่าลืม ยกมือไหว้ กราบกรานระลึกคุณความดีงาม

+ประเทศไทย จะ พัง+ (อินทรีย์เมฆาเรียบเรียง)

บทเตือนสติคนไทย เพื่อชาติพัฒนา


เมื่อผู้ใหญ่ในรั้ว เหลวแหลก
ปฏิบัติตนไม่เป็นเหมาะสม โดยบางคน 
ย่อมเสมือน 

ปลาเน่าหนึ่งตัว ในขวดโหลเดียวกัน 
ผู้น้อย ที่ธำรงค์ ความซื่อสัตย์ไว้
จึงมิอาจหาญพอ ที่จะนอกบังคับบัญชา
จำต้องกระทำตามโดยจำนนใจ
จุดนี้เอง ไม่ต้องแก้ที่ใดไกล
แก้ที่ระบบการพร่ำสอนลูกหลานใกล้ตัว
ไม่สอนให้ลูกหลานเห็นแก่เงินแต่เล็กๆ
แต่ให้สอนวิธีการใช้เงินอย่างมีสติแต่เล็กๆ
ให้รู้คุณค่าและโทษของเงิน
การทำงานก็เช่นกัน
ทำ เพราะรักที่จะทำ
แต่ถ้าทำ เพราะอยากได้
ความโลภก็บังเกิด
สังคมไทยในปัจจุบัน นิยมระบบ
อุปถัมภ์ยัดเข้าทำงาน
เมื่อได้เข้ามาทำงานด้วยวิธีง่ายๆคือยัดเข้ามา
จึงมองไม่เห็นถึงคุณค่าของงานที่ทำพอ
เหมือนเอาคนไม่เก่ง ไม่ได้พรากเพียรเข้ามา
ระบบการทำงานจึงพัง เมื่อพัง
ประเทศก็พังด้วย

อย่าทำงานเพื่อเกียรติยิ่ง
ให้ทำงานเพื่อ ประโยชน์สุขของครอบครัว
และประเทศ ไม่หวังเอาอะไรตอบแทน

เมื่อผลงานมีดีโดยสุจริต ด้วยตั้งใจ
เกียรติยศชื่นชม ก็จะตามมาเอง

อย่าหวังเอาเกียรติยศ
ขอให้หวังเพื่อ 
ประโยชน์ที่เกิดกับเพื่อนมนุษย์

เกียรติยศ ตายไป เอาไปไม่ได้
ไมตรี เท่านั้น ตายไปแล้ว เมื่อนึกถึง ก็สุขใจ

น้ำมันเพิ่มขนาด+และวิธีนวด+ ต้องอ่าน อยากเพิ่มขนาด/อยากควยใหญ่มีคำตอบ


++เหมาะสำหรับผู้ชาย ขออภัยในคำไม่สุภาพ++
++++สงวนห้ามลอกเลียนและห้ามนำไปดัดแปลง++++



"วิธีใช้"

น้ำมันจิ้งเหลนมีหลายสูตรคับ บางอันแท้ บางอันเทียม 

ส่วนใครที่บอก ใช้แล้วไม่ได้ผลจริง

ถามหน่อย ชาตินี้เคยใช้หรือยัง?

ใช้แล้วได้ผลหรือไม่ได้ผล ถามหน่อย
นวดเป็นรึป่าว? นวดไม่เป็นมันถึงไม่ได้ผลงัย
นอกจากนี้นะคับ พวกนายยังต้องมความอดทนด้วย นวด

สม่ำเสมอ เช้า เย็น ตอนอาบน้ำก็ได้

ไม่ต้องล้างก็ได้ ไม่มีคัน

น้ำมันจิ้งเหลน เป็นนวัตกรรม ของชายไทย มาแต่รุ่นพ่อของพ่อ

เราคับ
อยู่คู่กับชายไทยมาแต่โบราณ ถ้าใช้แล้วไม่เห็นผล แล้วรุ่นปู่

เขาจะพูดถึงมันทำมัย ถูกมั้ย?
เริ่มการนวดควยในแบบฉบับ

วิธีนวด ติอต่อทางไลน์

หลังการสั่งซื้อจะมีวิธีนวดไปพร้อม

และมีกลุ่มไลน์คลิปสอนนวด


วิธีสั่งซื้อ ส่งข้อความ บอกชื่อที่อยู่ และแจ้งการโอนเงิน


คลิ๊ก




****ข้อมูลเพิ่มเติม การสั่งซื้อ ที่****


ลายไอดี @summerart1991a








รายละเอียด


http://artbigdickthai.blogspot.com/2016/02/blog-post.html

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

" ตำรวจไทย เสียศักดิ์ เมื่อไหร่หน่อ หมดสิ้น ตำรวจทราม!"

" ตำรวจไทย เสียศักดิ์ เมื่อไหร่หน่อ หมดสิ้น ตำรวจทราม!"

13 สิงหาคม 2012 เวลา 0:13 น.


หลายต่อหลายข่าว มากมายเหตุการณ์แล้ว ที่ซ้ำเติมหัวใจคนไทยทั้งประเทศ อย่างสั่นสะเทือนพาขวัญหาย เมื่อผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ไทย ที่พึ่งสุดท้ายแห่งปวงชน กระทำการอันเสื่อมเสียจรรยาบรรณ สร้างความเกลียดชัง หมดความน่าเชื่อถือ ตำรวจไทยของประชาชนคนไทย ซึ่งนอกจากจะยังได้รับรู้จากข่าวสารมากมายในทุกวัน แต่นั่น ก็เป็นเพียงส่วนน้อยที่ได้รับรู้ ยังมีอีกตั้งมากมายหลายพื้นที่ในประเทศ ที่ประชาชนยังไม่เคยรับรู้ถึงความผิดสัตย์ เอาเปรียบประชาชน ของตำรวจทราม ซึ่งตั้งหน้า ตั้งตากระทำเพื่อให้ได้มาด้วยซึ่งเกียรติยศจากการเบียดเบียนประชาชนผู้เป็นเพียงแพะรับบาป เป็นพลเมืองดีของสังคม

หลายครั้งที่ผ่านมาในยุคกลียุค นี้ ข่าวคราว หรือแม้แต่การได้รับรู้ด้วยสายตาตนเองของคนไทย ถึงกรณีการใช้อำนาจของผู้พิทักษ์รักษากฏหมายไทย กระทำนำเอาวิชาคุณของตนมาเพื่อความโลภของตน โดยการปฏิบัติประพฤติมิชอบทางกฏหมาย หรือที่เข้าใจง่ายๆคือการนำเอากฏหมายของประชาชนลงมาเหยียบย่ำกระทำผิดเสียเอง
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ซึ่งเป็นหน้าที่อันทรงเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นงานราชการแผ่นดิน เพื่อถวายพระเดชพระคุณ แด่ สมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน แต่กลับมองข้ามไม่เห็นคุณค่าไม่แม้แต่จะธำรงค์รักษาเกียรติไว้ให้ชื่นชม การนี้จึงกล่าวถึง ตำรวจบางคน บางพวก ซึ่งมิใช่จะเหมารวมไปทั้งกองทัพ มิใช่ ตำรวจดีผู้น่ายกย่องเชิดชู ก็มีมากทั่วแผ่นดิน ที่จะกล่าวจึงหมายถึงความทุกข์เศร้าของประชาชนตาดำๆ ที่ถูกตำรวจทรามรีดไถเอาเปรียบ บ้างก็ถึงขั้นใช้พละกำลังทำร้ายประชาชนผู้ไม่ผิด แต่เพื่อต้องการจะยัดความผิดโดยไม่มีที่พึ่งอย่างน่าสงสารแก่ประชาชน
ดังนั้น นี้จึงเป็นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งทำให้ประชาชนต่างสับสนและตั้งคำถามว่า "ตกลง ตำรวจ หรือ นักเลง?" เพราะท่าที ที่ดูไม่เป็นมิตร กิริยาตั้งท่าใช้กำลัง ประกอบกับวาจาอันห้าวกำแหงประดุจกุ๋ยโก๋
ก็ขอให้เลือกเอาเถิด ว่าแบบไหน ประชาชนจะให้ความร่วมมือดีกว่ากัน ถ้าหากปฏิบัติสุภาพทั้งกายและวาจาต่อประชาชนเพื่อขอความมือก็หน้าจะเป็นหนทางที่ดีกว่า
อีกด้านหนึ่ง การบังคับตรวจตราจรรยาบรรณตำรวจและการตรวจสอบคุมเข้มวินัยตำรวจ ที่ในระบบปัจจุบันยังไม่มีรูปธรรมจริงจัง และการให้โทษอย่างเด็ดขาดแก่ตำรวจที่ประพฤติมิชอบต่อกฎหมายและต่อประชาชน โดยเฉพาะหน่วยรับแจ้งตำรวจเบียดเบืยดประชาชนในทำนองนี้ ก็ยังควรเกิดขึ้นเป็นหน่วยงานเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือต่อประชาชน
เป็นเรื่องที่สถาบันตำรวจไทยคงต้องขบคิดกันอีกครั้งเพื่อกำจัดตำรวจทรามผู้นอกกรอบ ซึ่งเป็นเสมือนหมู่มารในเครื่องแบบ ใช้ของสูงกำบังความต่ำของตน ต่อไป ภัยเหล่านี้ เป็นภัยคุกคามสังคม อย่างเจ็บช้ำ มีเงี่อนง่ำ ประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนไม่น้อย ที่ต้องตกเป็นเครื่องมือ และมีจำนวนมากที่ต้องการจะเรียกร้องมองหาความยุติธรรมแต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิด ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ตำรวจประเภทนี้ยังลอยนวลอยู่และกินเนื้อที่สืบทอดการกระทำเช่นนี้แด่ตำรวจรุ่นใหม่ อย่างผิดๆไม่รู้จบ

" จึงขอฝากเหล่า ตำรวจผู้องอาจ ทรงศักดิ์ศรี ได้ผลาญ ขจัด ตำรวจทราม ไปให้สิ้น "